วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หมู่เกาะต้นปาล์ม เกาะเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

         หมู่เกาะต้นปาล์ม (The Palm Islands) เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซียในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ
ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali
โครงการนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีการขุดลอกแบบใหม่ของเนเธอร์แลนด์มาใช้เพื่อสร้างเกาะขนาดใหญ่โตเหล่านี้ เกาะเหล่านี้เป็นเกาะเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ เกาะรูปต้นปาล์มเหล่านี้จะสร้างขึ้นด้วยกันสามเกาะ โดยเกาะสุดท้ายจะมีขนาดใหญ่ที่สุด

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ลำดับที่ 10.

Sultan Qaboos bin said of Oman


มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970

หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ

สุลต่านกาบุสได้ ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน

ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ


ลำดับที่ 9.

Princes Albert II of Monaco


เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียว

ที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาว

ของพระองค์เข้าเรียน คอร์สติวเข้มภาษาฝรั่งเศส

พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ

ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์

และหุ้นส่วนกิจการ คาสิโนในโมนาโก

พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ

(ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก)

โดยการสร้างเขต ปกครองใหม่ในทะเล

ซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้

สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร


ลำดับที่ 8.

King Mohammed VI of Morocco


กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก

ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ

เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโต

ทางเศรษฐกิจของประเทศชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟต, เกษตรกรรม

และทรงร่วมหุ้นกับบริษัท

Morocco's largest public company, ONA.


ลำดับที่ 7.

Sheikh Hamad bin Khalifa Al Thani of Qatar


ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่

มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

(ข้อมูลหาได้เท่านี้ครับ)


ลำดับที่ 6.

Prince Hans-Adam II von und zu Liechtenstein

of Liechtenstein


เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์

มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์

(บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)

ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว

ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่า
ช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน

จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่า

พระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้อง

ในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT


ลำดับที่ 5.

Sheikh Mohammed bin Ra** Al Maktoum of Dubai


ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิ**ัล มาคทูม แห่งดูไบ

ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ

เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding

ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่

และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้

กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้

ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้น

ในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ

เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York

และทรง เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย




ลำดับที่ 4.

Sultan Haji Hassanal Bolkiah of Brunei


สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศ

ที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของฟอร์บ

ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ)

ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมัน

เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศบรูไนลดลง

โดยฟอร์บระว่า กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอด

ของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี


ลำดับที่ 3.

King Abdullah bin Abdul Aziz of Saudi Arabia


กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ

ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่ 21.5 พันล้านเหรียญฯ

รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน

ที่ซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมัน

ทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดี อาระเบียนส์

แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์กันว่า

แหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040

หรืออีกใน 32 ปี ข้างหน้านี้


ลำดับที่ 2.

Sheikh Khalifa bin Za** Al Nahyan of

the United Arab Emirates


ชีค คาลิฟา บิน ซาเย**ัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี

(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทรัพย์ประมาณ

23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของพระองค์

เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมัน

สำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากนั้น อาบูดาบียังมีชื่อเสียง เนื่องมาจากการลงทุน

ระดับแนวหน้าโดยบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือ

เงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank


และมาถึงลำดับที่

1 ซึ่งเป็นอีก 1ราชวงศ์จากเอเชีย นั่นก็คือ....

v
v
v
v
v
v
v
v
v



ลำดับที่ 1.

King Bhumibol Adul**ej of Thailand


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

แห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุด

ของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้
โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้าน

เหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน

1 บาท: 34 ดอลลาร์)

โดย พระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใส

ที่เพิ่มขึ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง



อ้างอิง : http://www.zone4.in.th/board/viewthread.php?tid=95560

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลิฟท์แดง

เรื่องลิฟท์แดงนี่เรื่องเล่าเยอะมาก
เห็นว่าเมื่อตอนเหตุการณ์เดือนตุลาน่ะค่ะพวกทหารบุกเข้ามาในมหาวิทยาลัย
แล้วพอลิฟท์ตัวนี้เปิดพวกมันก็กระหน่ำยิง คนในลิฟท์ซึ่ง เป็นอาจารย์และ
นักศึกษาเสียชีวิตหมด เลือดสาดกระจายทั่วลิฟท์ เมื่อผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นแล้ว

มหาวิทยาลัยกลับคืนสู่สภาพเดิม มีการบูรณะทำความสะอาดกันทุกพื้นที่
ไม่เว้นแม้แต่ลิฟท์ตัวนั้น แต่ทีนี้ทำยังไง คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็ไม่ออก
เหมือนจะเป็นการประจานการกระทำอันบ้าเลือดและไม่ยุติธรรม

จึงได้ทำการทาสีลิฟท์ให้เป็นสีแดง นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แล้วก็ได้มีเรื่องเล่าตามมาว่า
หลังจากที่ลิฟท์ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วนั้น ก็ได้มีการนำกลับมาใช้ตามปกติ

แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อนักศึกษาหญิงคนนึงกำลังใช้บริการลิฟท์แดงตามลำพัง
แต่แล้วเมื่อเธอมองไปที่กระจกกลับพบว่าไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง
หากแต่มีผู้โดยสารลิฟท์ตัวนี้อยู่มาก มายแล้วยังมีอีกหลายครั้งหลายหน
ที่เหล่านักศึกษาอาจารย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้พบเจอกับอาถรรพ์ของลิฟท์แดงตัวนี้เข้า
ทำให้มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนตัวลิฟท์ใหม่
แต่ว่าประตูลิฟท์แดงที่ถูกถอดออกไปตอนนี้ก็ยังตั้งอยู่ที่ชั้น 4 มาจนถึงทุกวันนี้



อ้างอิงจาก : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4fc39023aabdc6b5

ราสเบอร์รี่ ผลไม้ดีมีประโยชน์

แรสเบอร์รี หรือ ราสเบอร์รี (อังกฤษ: raspberry) เป็นชื่อเรียกผลไม้หลายชนิดในสกุล Rubus(สกุลเดียวกับแบล็กเบอร์รี) ส่วนใหญ่อยู่ในสกุลย่อย Idaeobatus มีต้นกำเนิดมาจากแถบยุโรป ผลแรสเบอร์รีสามารถรับประทานได้ซึ่งมีทั้งรสหวานและเปรี้ยว ผลมีสีแดงขนาดเล็กและยังเป็นผลไม้ทางการค้าที่สำคัญ สามารถเจริญเติบโตได้อย่างกว้างขวางทุกสภาพภูมิอากาศทั่วโลกแต่นิยมปลูกกันในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเช่นยุโรปและอเมริกา ลำต้นและตัวต้นก็มีความแข็งแรงมากสามารถขยายพันธุ์ไปได้เรื่อยๆไม่มีขีดจำกัด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มันสามารถงอกลำต้นใหม่จากลำต้นเดิมได้และรากของมันจะเจาะลึกลงไปในดิน ส่วนใบก็สามารถนำไปทำยาได้ การเก็บเกี่ยวนิยมเก็บเกี่ยวในช่วงที่ผลสุกงอมโดยให้ดูจากผลจะมีสีเข้มสด (สีแดง, ม่วง, ดำ) ในช่วงนี้ผลจะมีความหวานมากจึงเหมาะสำหรับนำไปรับประทานหรือนำไปทำแยมผลไม้และเหมาะที่จะนำไปทำอาหารอย่างอื่นทั้งของคาวและของหวาน
ในภาษาท้องถิ่นของไทยเรียกว่า หนามไข่ปู ในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์บนพื้นที่ภูเขาสูง อาทิ ดอยภูคา จังหวัดน่าน, ดอยอินทนนท์ ดอยผ้าห่มปก ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่, ภูกระดึง จังหวัดเลย

นักวิจัยพบว่า ผลราสเบอร์รี่มีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มากกว่าอาหารทุกประเภทที่พวกเขาเคยพบ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่ามะเขือเทศถึง 10 เท่า และแนะนำว่าควรจะกินผลไม้สดในกลุ่มนี้เป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย นอกจากนี้ราสเบอร์รี่ยังมีสรรพคุณ บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และมีคุณค่าต่อผิวมากทีเดียว เพราะอุดมด้วย วิตามินซี ที่ช่วยให้เซลล์ผิวสดใส แข็งแรง ต่อต้านอนุมูลอิสระตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอย

อ้างอิงจาก : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=youaremyworld&month=12-06-2007&group=10&gblog=10

น้ำตกที่น่ากลัวที่สุดในโลก !!

           น้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า Devil's Pool (สระน้ำปิศาจ) อยู่ในประเทศ ซิมบับเว ซึ่งเป็นสระน้ำธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยหินผา แต่ที่มันแปลกและหวาดเสียว เพราะว่า ด้านนึงของสระคือ ยอดสุดของน้ำตก Victoria Falls (น้ำตกวิคตอเรีย) ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 103 เมตร เอาเป็นว่าถ้ายื่นตัวไม่ดีพอ ก็ตกลงไปเลยแหละ แต่เขาบอกว่า ธรรมชาติสร้างมาให้ Devil's Pool ปลอดภัยมาก ไม่ตกลงไปง่าย (ดูจากภาพแล้วกันครับ) สถานที่แห่งนี้อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า Livingstone Island นักท่องเที่ยวยังคงหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวที่แห่งนี้ และโพสท่าที่สามารถเอาไปอวดความหวาดเสียวได้ทุกครั้ง นั่นแหละจุดขายที่แห่งนี้ล่ะ
อ้างอิงจาก : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2079128#ixzz1LYdhh4PK

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เคท มิดเดิลตัน

เคท มิดเดิลตัน มีชื่อจริงของเธอคือ แคเธอรีน อลิซาเบธ มิดเดิลตัน (Catherine Elizabeth Middleton)  เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 1982 ได้รับการเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นที่เมืองบั๊กเกิ้ลเบอร์รี่ เรียนจบมัธยมศึกษาที่ Marlborough College จากนั้นเรียนจบวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะในปี 2005 ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 2
เคท เป็นลูกสาวคนโตของนาย ไมเคิล มิดเดิลตัน และแม่ชื่อ แคโรล อดีตแอร์โฮสเตส ทั้งคู่ทำธุรกิจในนามบริษัท Party Pieces บริษัทสั่งสินค้าทางไปรษณีย์จำหน่ายในงานปาร์ตี้สำหรับด็ก ๆ เคทมีน้องสาวคนรองชื่อ ฟิลิปป้า (ฟิปป้า) และน้องชายอีกคนชื่อ เจมส์
ในระหว่างศึกษาอยู่ เซนต์ แอนดรูว์ ปี 2001 ได้พบกับ เจ้าฟ้าชายวิลเลียม แต่ก่อนหน้านั้นเคทมีเพื่อนชายเป็นนักศึกษาเช่นเดียวกันชื่อ Rupert Finch ทั้งคู่เลิกคบกันในช่วงคริสต์มาสปี 2003 จากนั้น เคท หันมาคบกับ เจ้าชายวิลเลียม 

อ้างอิงจาก : http://www.mumuu.com/news-show-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%97-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-12-53730

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สถานที่ผีดุ

อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch) ที่ตั้ง เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา

ใน ปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่นไหลมาชมรวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์ เธอเจ็บแค้นมากเมื่อครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะนให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอเทอะ ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั้งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงาน ฝังศพ แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้ว 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์



อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
สถานที่ตั้ง บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน ผี ที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็นผีและสู้กับ มันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่ บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827 ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน


 

อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House) สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา

บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่ง จากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล โดย ที่โด่งดังที่สุดคือกรณี ของครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า ใครหน้าไหนเอาเรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็น ได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกองถ่ายต่างประสบ เคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดูเรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้านครับ) ระวังจะโดนคำสาบ!!




อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman) สถานที่พบเจอ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก(ไทยก็เคยเจอ)

เป็น เรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี เดิมคือ เรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่นิสัยไม่ดี โดย เขาหายสาปสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า 'ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุดท้ายของโลกก็ตาม' นับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี 1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย.... ทุก วันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยด สยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัยตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander




อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory) สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)

เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่า โดยนักบวชถูกแขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 หลัง จากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไป โดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยก็มี โดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบ หน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียงซากและโบสถ์ก็โดนทุบ ทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย




อันดับ 5 วิญญาณสีชาด
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???

วิญญาณ สีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาดเช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า 'พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย' พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข อีก 12 ชั่วโมงต่อมาเฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอก จากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนาปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง





อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??

ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณหญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่ 29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!


 

อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary) สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)

ควีน แมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มี อันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียกน้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ




อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard) สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ

แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียง ของพระราชวังแฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์อีกด้วย 


 

อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen) สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ (รูปถ่ายนี้ถูกถ่ายในธันวาคม ที่ศาล Hampton ใกล้ลอนดอน)

พระ เจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อน ตายนางกล่าวว่า 'โอ้ ความตาย นำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัด นำข้าไปสู่ผี..ที่สุดแสนจะเงียบงัน ออกไปจากอกของข้าที่ห่วงหาอาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน' ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้ชีวิตในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ มี รายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูงศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและหายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย